วันศุกร์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2557

mac os

Mac OS

ประวัติ Mac OS



      Apple Dos คือระบบปฏิบัติการสำหรับชุด Apple IIของไมโครคอมพิวเตอร์จากปลาย 1978 ถึงต้น 1983 แอปเปิ้ล DOS มีสามรุ่นหลักคือ DOS 3.1, DOS 3.2, และ DOS 3.3;

รูปหน้าตาOS Apple Lisa
Apple Lisa สำหรับชุด Apple Lisa ถูกพัฒนาขึ้นเมื่อปี 1983 เป็น OS ที่มีการติดต่อกับผู้ใช้ แบบ (Graphical User Interface, GUI)

รูปหน้าตาของ System1,2,3,4
System 1,2,3,4 คือระบบปฏิบัติการของ Apple ในปี 1984

System Sfotware 5 คือระบบปฏิบัติการของ Apple ในปี 1988

 รูปของSystem Sfotware 6
System Sfotware 6 คือระบบปฏิบัติการของ Apple ในปี 1988

รูป System Software 7
System Sfotware 7 คือระบบปฏิบัติการของ Apple ในปี 1991





รูป Mac OS 8
Mac OS 8 คือระบบปฏิบัติการของ Apple ในปี 1997


รูปMac OS 9
Mac OS 9 คือระบบปฏิบัติการของ Apple ในปี 1999

Mac OS X ตัวอักษร X หมายถึงเลขสิบในระบบเลขโรมัน และอ่านออกเสียงว่า Ten แปลว่า "สิบ" แสดงถึงรุ่นที่ต่อมาจากแมคโอเอสตัวก่อนหน้าคือ แมคโอเอส9 นอกจากนี้ตัวอักษร X ยังแสดงถึงความเป็นยูนิกซ์ (UNIX) ในตัวระบบปฏิบัติการด้วย
แอปเปิลได้มีวิธีการเรียกชื่อแมคโอเอสเท็นถึงสามวิธี
  Mac OS X v10.4 บอกเฉพาะเลขรุ่น (หมายเหตุ: ต้องมีอักษร v ด้วยเสมอ)
  Mac OS X Tiger บอกเฉพาะรหัสในการพัฒนา
  Mac OS X v10.4 "Tiger" บอกทั้งเลขรุ่นและรหัสในการพัฒนา


 รุ่นต่างๆของ Mac Os X

รูปMac OS X Public Beta (Kodiak)
Mac OS X Public Beta (Kodiak)


รูป OS X 10.0(Cheetah)
Mac OS X 10.0 (Cheetah)


รูปMac OS X 10.1 (Puma)
Mac OS X 10.1 (Puma)
เพิ่มความเร็วในการทำงาน และความสามารถอื่นๆ เช่น การเล่นดีวีดี






รูปMac OS X 10.2 (Jaguar)
Mac OS X 10.2 (Jaguar)
เพิ่มความรวดเร็วในการทำงาน หน้าตาแบบใหม่ และความสามารถ เช่น
* สนับสนุนเครือข่ายที่เป็นไมโครซอฟท์วินโดวส์
* iChat - อินสแตนท์ เมสเซจจริง
* Apple Rendezvous - การเชื่อมต่อเครือข่ายแบบอัตโนมัติ
* CUPS (The Common Unix Printing System)

รูปMac OS X 10.3 (Panther)
Mac OS X 10.3 (Panther)
พัฒนาความสามารถด้านอื่นเพิ่มขึ้น แต่หยุดสนับสนุนสถาปัตยกรรมแบบ G3 แล้ว ความสามารถเด่นมีดังนี้
* Expose - การแสดงหน้าต่างทำงานทั้งหมดในหน้าจอเดียว ทำให้ผู้ใช้เปลี่ยนหน้าต่างทำงานได้อย่างรวดเร็ว
* Fast User Switching
* FileVault
* เพิ่มการสนับสนุนสถาปัตยกรรม G5

รูปMac OS X 10.4 (Tiger)

Mac OS X 10.4 (Tiger)
ความสามารถเด่นมีดังนี้
* Spotlight
* Dashboard
* QuickTime 7
* Automator
* Front row

รูปMac OS X 10.5 (Leopard)
Mac OS X 10.5 (Leopard)
แมคโอเอสเทน เลเพิร์ด (มักเรียกผิดเป็น ลีโอพาร์ด) มีความสามารถเด่นที่ประกาศแล้วดังนี้
* Time Machine
* Spaces
* Core Animation
* Quicklook
* Stack
* Finder ใหม่ที่รวม Cover Flow view เข้าไป
* รองรับ 64-bit
นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงแอปพลิเคชันที่มีอยู่เดิมอีกด้วย

รูปMac OS X 10.6 (Snow Leopard)
Mac OS X 10.6 (Snow Leopard)
แมคโอเอส สโนว์ เลเพิร์ด โดยหยุดการสนับสนุนสถาปัตยกรรม PowerPC และมีความสามารถพิเศษเพิ่มเติมดังนี้
* Dock Exposé
* QuickTime X
* Grand Central Dispatch
* Safari 4
* เขียนภาษาจีนโดยใช้ Trackpad ได้
* ติดตั้งเร็วขึ้น 45%
* ใช้พื้นที่น้อยลง 6GB
* ปรับปรุงโค้ดกว่า 90%
* เปลี่ยนเป็นระบบปฏิบัติการ 64 บิต อย่างสมบูรณ์
* โปรแกรมทั้งหมดเปลี่ยนเป็น 64 บิต


Mac OS X 10.7 (Lion)
Mac OS X 10.7 (Lion)
แมคโอเอส ไลออน
* Safari 5
* Facetime
* iLife' 11
* Launchpad
* Mission Control
* Mac App Store
* Full-screen apps
* Multi-Touch gestures
* Auto save
* Apps resume when launched
* Autohiding Scrollbars
* รองรับ Multitouch gestures เพิ่มมากขึ้น (สำหรับ Apple MagicMouse และ Apple MagicTrackpad)
* รองรับการ Preview ในรูปแบบเต็มหน้าจอ




windows

windows

การเริ่มต้น: Microsoft Paul Allen (ซ้าย) และ Bill Gates ผู้ร่วมก่อตั้งในช่วงปี 2513 ที่ทำงานเราต้องใช้เครื่องพิมพ์ดีด หากจำเป็นต้องทำสำเนาเอกสาร เราก็จะใช้เครื่องโรเนียวหรือกระดาษคาร์บอน มีน้อยมากที่จะได้ยินเกี่ยวกับไมโครคอมพิวเตอร์ แต่เด็กหนุ่มสองคนที่ชื่นชอบคอมพิวเตอร์อย่าง Bill Gates และ Paul Allen กลับเห็นว่าคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลคือเส้นทางสู่อนาคต ในปี 2518 Gates และ Allen ร่วมกันก่อตั้งบริษัทที่ชื่อ Microsoft ซึ่งก็ไม่ต่างจากบริษัทที่เริ่มกิจการใหม่ส่วนใหญ่ โดยเริ่มจากจุดเล็กๆ แต่มีวิสัยทัศน์ที่ยิ่งใหญ่ นั่นคือ บนทุกโต๊ะทำงานและในทุกบ้านต้องมีคอมพิวเตอร์ ในปีต่อๆ มา Microsoft เริ่มเข้ามาเปลี่ยนวิธีการทำงานของเรา


การเริ่มต้นของ MSDOSในเดือนมิถุนายน 2523 Gates และ Allen ได้ว่าจ้าง Steve Ballmer อดีตเพื่อนร่วมชั้นเรียนจากฮาร์วาร์ดของ Gates ให้มาช่วยพวกเขาดำเนินกิจการของบริษัท ในเดือนต่อมา IBM ได้เข้ามาติดต่อ Microsoft เกี่ยวกับโปรเจ็กต์ที่ชื่อว่า "Chess" ด้วยเหตุนี้ Microsoft จึงได้หันมาให้ความสำคัญกับระบบปฏิบัติการใหม่ ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ที่ช่วยจัดการ หรือเรียกใช้ฮาร์ดแวร์ของคอมพิวเตอร์และยังทำหน้าที่เชื่อมช่องว่างระหว่าง ฮาร์ดแวร์ของคอมพิวเตอร์กับโปรแกรม เช่น โปรแกรมประมวลผลคำ ซึ่งเป็นพื้นฐานสำหรับการเรียกใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ พวกเขาตั้งชื่อระบบปฏิบัติการใหม่นี้ว่า "MSDOS" เมื่อมีการวางจำหน่ายพีซีของ IBM ที่ใช้ MSDOS ในปี 2524 ถือเป็นการเปิดตัวภาษาใหม่ให้สาธารณชนทั่วไปรู้จัก การพิมพ์ "C:" และคำสั่งที่เป็นรหัสต่างๆ เริ่มกลายมาเป็นส่วนหนึ่งในการทำงานประจำวัน ผู้คนรู้จักแป้นเครื่องหมายทับขวา (\) MSDOS เป็นรูปแบบที่มีประสิทธิภาพ แต่ก็พบว่าเป็นเรื่องที่คนส่วนใหญ่เข้าใจได้ยาก มีวิธีที่ดีกว่านั้นในการสร้างระบบปฏิบัติการ 

1982–1985: การเปิดตัว Windows 1.0

Microsoft ทำงานด้วยระบบปฏิบัติการใหม่รุ่นแรก Interface Manager เป็นชื่อรหัสและมีการเลือกให้เป็นชื่อสุดท้าย แต่ชื่อ Windows กลับมาเหนือกว่าเพราะอธิบายได้ดีที่สุดถึงกล่องหรือ "หน้าต่าง" ของคอมพิวเตอร์ที่เป็นรากฐานของระบบใหม่ Windows ได้รับการประกาศออกมาในปี 2526 แต่ก็มีการใช้เวลาระยะหนึ่งในการพัฒนา พวกชอบสงสัยเรียกว่าระบบนี้ว่า "ผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีจริง"

ในวันที่ 20 พฤศจิกายน 2528 สองปีหลังจากการประกาศเปิดตัวครั้งแรก Windows วางจำหน่าย Windows 1.0 ตอนนี้ แทนที่จะพิมพ์คำสั่ง MSDOS คุณเพียงแค่เลื่อนเมาส์เพื่อชี้และคลิกที่ตำแหน่งต่างๆ บนหน้าจอ หรือ "หน้าต่าง" เท่านั้น Bill Gates พูดว่า "นี่คือซอฟต์แวร์พิเศษเฉพาะที่ออกแบบมาสำหรับผู้ใช้พีซีอย่างแท้จริง…" เมนูแบบหล่นลง แถบเลื่อน ไอคอน และกล่องโต้ตอบทำให้การเรียนรู้และใช้งานโปรแกรมทำได้ง่ายขึ้น คุณสามารถสลับระหว่างโปรแกรมต่างๆ ได้โดยไม่ต้องออกจากอีกโปรแกรมหรือเริ่มระบบใหม่ Windows 1.0 วางจำหน่ายพร้อมกับอีกหลายๆ โปรแกรม ซึ่งได้แก่ การจัดการแฟ้ม MSDOS โปรแกรมระบายสี, Windows Writer, แผ่นจดบันทึก เครื่องคิดเลข และปฏิทิน แฟ้มการ์ด และนาฬิกาเพื่อช่วยคุณจัดการกับงานในแต่ละวัน และยังมีกระทั่งเกม Reversi

1987–1992: Windows 2.0–2.11 - หน้าต่างมากขึ้น ความเร็วเพิ่มขึ้น

ในวันที่ 9 ธันวาคม 2530 Microsoft ได้วางจำหน่าย Windows 2.0 ที่มีไอคอนบนเดสก์ท็อปและหน่วยความจำส่วนขยาย ด้วยการสนับสนุนกราฟิกที่ได้รับการปรับปรุง ตอนนี้คุณสามารถซ้อนทับหน้าต่าง ควบคุมเค้าโครงของหน้าจอ และใช้แป้นพิมพ์เพื่อให้ทำงานได้รวดเร็วขึ้น นักพัฒนาซอฟต์แวร์บางคนเขียนโปรแกรมแรกของตนเองบน Windows รุ่นนี้Windows 2.0 ออกแบบมาสำหรับการใช้งานกับตัวประมวลผล Intel 286 เมื่อมีการวางจำหน่ายตัวประมวลผล Intel 386 Windows/386 ก็ออกตามมาทันทีเพื่อใช้ประโยชน์จากความสามารถของหน่วยความจำส่วนขยาย Windows รุ่นต่อมายังคงมีการปรับปรุงความเร็ว ความน่าเชื่อถือ และความสามารถในการใช้งานของพีซีอย่างต่อเนื่อง ในปี 2531 Microsoft กลายเป็นบริษัทซอฟต์แวร์สำหรับพีซีรายใหญ่ที่สุดในโลกเมื่อดูจากยอดขาย คอมพิวเตอร์เริ่มกลายมาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันสำหรับผู้ที่ทำงานใน สำนักงานบางแห่ง


1990–1994: Windows 3.0–Windows NT การใช้กราฟิก

ในวันที่ 22 พฤษภาคม 2533 Microsoft ได้ประกาศเปิดตัว Windows 3.0 และตามมาด้วย Windows 3.1 ในปี 2535 เมื่อนับรวมกัน ทั้งสองรุ่นสามารถขายได้ 10 ล้านสำเนาในระยะเวลา 2 ปีแรก ทำให้ระบบปฏิบัติการ Windows เป็นระบบปฏิบัติการที่มีการใช้กันแพร่หลายมากที่สุด จากความสำเร็จนี้ทำให้ Microsoft ปรับปรุงแผนการก่อนหน้านี้ หน่วยความจำเสมือนช่วยปรับปรุงกราฟิกการแสดงผล ในปี 2533 Windows เริ่มมีลักษณะเหมือนกับรุ่นที่ใช้งานกันอยู่ ในตอนนี้ Windows ได้มีการพัฒนาประสิทธิภาพให้ดีขึ้นอย่างมาก มีการ์ดกราฟิกขั้นสูง 16 สี และไอคอนที่ปรับปรุงใหม่ คลื่นลูกใหม่ของพีซี 386 ช่วยผลักดันความนิยมของ Windows 3.0 ให้เพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย ด้วยการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากตัวประมวลผล Intel 386 ทำให้สามารถเรียกใช้งานโปรแกรมต่างๆ ได้เร็วขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ตัวจัดการโปรแกรม ตัวจัดการแฟ้ม และตัวจัดการการพิมพ์มีการเพิ่มเข้ามาใน Windows 3.0Bill Gates แสดง Windows 3.0 รุ่นที่วางจำหน่ายล่าสุดซอฟต์แวร์ Windows มีการติดตั้งโดยใช้ฟลอปปีดิสก์ที่อยู่ในกล่องขนาดใหญ่พร้อมมีคู่มือการใช้งานเล่มหนา ความนิยมของ Windows 3.0 เติมโตพร้อมกับการวางจำหน่าย Windows software development kit (SDK) ใหม่ซึ่งช่วยให้นักพัฒนาซอฟต์แวร์ได้มุ่งเน้นที่การเขียนโปรแกรมมากขึ้นและ ใช้เวลาในการเขียนโปรแกรมควบคุมอุปกรณ์น้อยลง Windows มีการใช้งานในที่ทำงานและที่บ้านมากขึ้นเรื่อยๆ และตอนนี้ยังมีเกมต่างๆ เช่น Solitaire, Hearts และ Minesweeper โดยมีการโฆษณาว่า "ตอนนี้คุณสามารถใช้ความสามารถที่เหลือเชื่อของ Windows 3.0 เพื่อฆ่าเวลาได้แล้ว" Windows สำหรับ Workgroups 3.11 ได้เพิ่มเวิร์กกรุ๊ปแบบเพียร์ทูเพียร์และการสนับสนุนเครือข่ายโดเมน และเป็นครั้งแรกที่พีซีกลายเป็นส่วนสำคัญของการพัฒนาระบบคอมพิวเตอร์ ไคลเอ็นต์/เซิร์ฟเวอร์ที่เกิดใหม่


Windows NT
เมื่อ Windows NT ออกวางจำหน่ายในวันที่ 27 กรกฎาคม 2536 Microsoft ได้มาถึงช่วงระยะเวลาที่สำคัญ นั่นคือ โปรเจ็กต์ที่เริ่มมาตั้งแต่ปลายปี 2523 เพื่อสร้างระบบปฏิบัติการใหม่ขั้นสูงตั้งแต่เริ่มต้นได้เสร็จสมบูรณ์ลงแล้ว "Windows NT แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงรากฐานของวิธีการที่บริษัทต่างๆ สามารถใช้จัดการกับความต้องการด้านคอมพิวเตอร์ของธุรกิจได้ไม่ยิ่งหย่อนกว่า กัน" Bill Gates กล่าวไว้เมื่อออกวางจำหน่าย ซึ่งแตกต่างจาก Windows 3.1 อย่างไรก็ตาม Windows NT 3.1 เป็นระบบปฏิบัติการแบบ 32 บิต ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มธุรกิจเชิงกลยุทธ์ที่รองรับโปรแกรมทางวิศวกรรมและวิทยาศาสตร์ระดับสูง

1995–2001: Windows 95 - เติบโตเต็มที่

ในวันที่ 24 สิงหาคม 2538 Microsoft ได้ออกวางจำหน่าย Windows 95 ซึ่งสามารถสร้างสถิติทำยอดขายได้ถึง 7 ล้านสำเนาในช่วงห้าสัปดาห์แรก นับเป็นการเปิดตัวที่มีการเผยแพร่มากที่สุดที่ Microsoft เคยทำมา การโฆษณาทางโทรทัศน์ใช้เพลงของ Rolling Stones ที่ชื่อว่า"Start Me Up" อยู่เหนือรูปภาพของปุ่ม 'เริ่ม' ซึ่งเป็นปุ่มใหม่ ข่าวประชาสัมพันธ์เพียงแค่ขึ้นต้นว่า: "อยู่ที่นี่ไง"



วันเปิดตัว: Bill Gates แนะนำ Windows 95 นี่คือยุคของแฟกซ์/โมเด็ม อีเมล โลกออนไลน์แบบใหม่ และเกมมัลติมีเดียที่ละลานตาและซอฟต์แวร์ทางการศึกษา Windows 95 มีการสนับสนุนอินเทอร์เน็ตในตัว การเชื่อมต่อเครือข่ายผ่านสายโทรศัพท์ และความสามารถใหม่ Plug and Play ที่ทำให้ติดตั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ได้อย่างง่ายดาย ระบบปฏิบัติการแบบ 32 บิตยังมีความสามารถของมัลติมีเดียขั้นสูง คุณลักษณะมีประสิทธิภาพมากขึ้นสำหรับคอมพิวเตอร์แบบพกพา และการเชื่อมต่อเครือข่ายแบบครบวงจร ในช่วงเวลาที่มีการวางจำหน่าย Windows 95 ระบบปฏิบัติการ Windows และ MSDOS รุ่นก่อนหน้ามีการใช้งานอยู่ประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ของพีซีที่มีอยู่ในโลก Windows 95 เป็นการปรับรุ่นให้กับระบบปฏิบัติการเหล่านี้ เมื่อต้องการเรียกใช้ Windows 95 คุณจำเป็นต้องมีพีซีที่มีตัวประมวลผล 386DX หรือที่สูงกว่า (ขอแนะนำ 486) และมี RAM อย่างน้อย 4 MB (ขอแนะนำ RAM 8 MB) รุ่นสำหรับปรับรุ่นมีทั้งในรูปแบบฟลอปปีดิสก์และซีดีรอม โดยสามารถใช้งานได้ใน 12 ภาษา Windows 95 ยังมีการปรากฏขึ้นเป็นครั้งแรกของเมนู 'เริ่ม' แถบงาน และย่อเล็กสุด ขยายใหญ่สุด และปุ่มปิดบนแต่ละหน้าต่าง

1998–2000: Windows 98, Windows 2000, Windows Me
 

Windows 98
วางจำหน่ายเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2541 Windows 98 เป็นรุ่นแรกของ Windows ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษสำหรับผู้ใช้ทั่วไป พีซีกลายเป็นเรื่องปกติที่พบได้ทั่วไปในที่ทำงานและที่บ้าน และร้านอินเทอร์เน็ตที่คุณสามารถออนไลน์เกิดขึ้นมาอย่างมากมาย Windows 98 แสดงถึงการเป็นระบบปฏิบัติการที่ "ทำงานได้ดีขึ้น เล่นได้ดีกว่าเดิม" ด้วย Windows 98 คุณสามารถค้นหาข้อมูลบนพีซีของคุณและบนอินเทอร์เน็ตได้ง่ายขึ้น การปรับปรุงอื่นๆ ได้แก่ ความสามารถในการเปิดและการปิดโปรแกรมที่รวดเร็วขึ้น และการสนับสนุนการอ่านดิสก์ดีวีดีและอุปกรณ์ universal serial bus (USB) ลักษณะที่ปรากฏเป็นครั้งแรกอีกอย่างคือ แถบ 'เปิดใช้งานด่วน' คุณสามารถเรียกใช้โปรแกรมได้โดยไม่ต้องเปิดเมนู 'เริ่ม' หรือค้นหาโปรแกรมบนเดสก์ท็อป


Windows Me

ออกแบบมาสำหรับการใช้งานคอมพิวเตอร์ที่บ้าน Windows Me มีการปรับปรุงคุณลักษณะเกี่ยวกับเพลง วิดีโอ และเครือข่ายภายในบ้านจำนวนมาก และมีการปรับปรุงการทำงานให้มีความน่าเชื่อถือมากขึ้นเมื่อเทียบกับรุ่นก่อน หน้า ลักษณะที่ปรากฏเป็นครั้งแรก ได้แก่ 'การคืนค่าระบบ' คุณลักษณะที่สามารถย้อนกลับการกำหนดค่าซอฟต์แวร์พีซีของคุณไปยังวันที่หรือ เวลาก่อนที่จะเกิดปัญหาได้ Windows Movie Maker ทำให้ผู้ใช้มีเครื่องมือที่สามารถแก้ไข บันทึกและแบ่งปันวิดีโอภาพครอบครัวในแบบดิจิทัล และด้วยเทคโนโลยี Microsoft Windows Media Player 7 คุณสามารถค้นหา จัดระเบียบ และเล่นสื่อดิจิทัลได้ 

Windows 2000 Professional

มากกว่าเพียงแค่การปรับรุ่นเป็น Windows NT Workstation 4.0 แต่ Windows 2000 Professional ออกแบบมาเพื่อแทนที่ Windows 95, Windows 98 และ Windows NT Workstation 4.0 บนเดสก์ท็อปและแล็ปท็อปสำหรับธุรกิจทั้งหมด โดยสร้างบนฐานโค้ด Windows NT Workstation 4.0 ที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ายอดเยี่ยม Windows 2000 ได้เพิ่มการปรับปรุงที่สำคัญในด้านความน่าเชื่อถือ การใช้งานง่าย ความเข้ากันได้กับอินเทอร์เน็ต และการสนับสนุนการใช้คอมพิวเตอร์แบบพกพา นอกจากการปรับปรุงต่างๆ แล้ว Windows 2000 Professional ยังทำให้การติดตั้งฮาร์ดแวร์เป็นเรื่องง่าย โดยการเพิ่มการสนับสนุนฮาร์ดแวร์ Plug and Play แบบใหม่ให้หลากหลายมากขึ้น รวมทั้งผลิตภัณฑ์การเชื่อมต่อเครือข่ายขั้นสูงและระบบไร้สาย อุปกรณ์ USB อุปกรณ์ IEEE 1394 และอุปกรณ์อินฟราเรด


2001–2005: Windows XP - ความเสถียร ความพร้อมใช้งาน และความรวดเร็ว

เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2544 มีการวางจำหน่าย Windows XP ที่มาพร้อมรูปลักษณ์ที่ออกแบบใหม่ โดยเน้นที่ความสามารถในการใช้งานและศูนย์บริการช่วยเหลือและวิธีใช้แบบครบ วงจรเป็นหลัก โดยสามารถใช้งานได้ใน 25 ภาษา นับแต่ช่วงกลางปี 2513 จนถึงการวางจำหน่าย Windows XP มีพีซีประมาณ 1 พันล้านเครื่องทั่วโลกที่มีการติดตั้งโปรแกรมนี้ สำหรับ Microsoft ระบบปฏิบัติการ Windows XP กำลังจะกลายเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ขายดีอันดับหนึ่งในอีกไม่กี่ปีข้างหน้านี้ ด้วยความรวดเร็วและความสเถียรของระบบ การนำทางไปยังเมนู 'เริ่ม' แถบงาน และแผงควบคุมสามารถใช้งานได้ง่ายขึ้น การตระหนักเกี่ยวกับไวรัสคอมพิวเตอร์และแฮกเกอร์มีเพิ่มมากขึ้น แต่ความกลัวต่างๆ มีการทำให้สงบลงด้วยการนำเสนอการปรับปรุงด้านความปลอดภัยทางออนไลน์ ผู้ใช้เริ่มเข้าใจถึงคำเตือนเกี่ยวกับเอกสารแนบที่น่าสงสัยและไวรัส โดยมีการให้ความสำคัญกับบริการช่วยเหลือและวิธีใช้มากขึ้น
Windows XP Home Edition มีการออกแบบด้านภาพให้ดูสบายตาและเรียบง่าย ทำให้สามารถเข้าถึงคุณลักษณะที่ใช้งานบ่อยได้ง่ายขึ้น ออกแบบสำหรับการใช้งานภายในบ้าน Windows XP มีการปรับปรุงต่างๆ เช่น ตัวช่วยสร้างการติดตั้งเครือข่าย Windows Media Player, Windows Movie Maker และความสามารถด้านภาพถ่ายดิจิทัลขั้นสูง
Windows XP Professional นำรากฐานที่แข็งแกร่งของ Windows 2000 มาให้กับพีซีเดสก์ท็อป โดยการปรับปรุงความน่าเชื่อถือ ความปลอดภัย และประสิทธิภาพ ด้วยการออกแบบด้านการแสดงผลใหม่ล่าสุด Windows XP Professional ประกอบด้วยคุณลักษณะต่างๆ สำหรับการใช้งานคอมพิวเตอร์ในธุรกิจและการใช้คอมพิวเตอร์ขั้นสูงที่บ้าน รวมถึงการสนับสนุนเดสก์ท็อประยะไกล และการเข้ารหัสระบบแฟ้ม และคุณลักษณะการคืนค่าระบบและการเชื่อมต่อเครือข่ายขั้นสูง การปรับปรุงที่สำคัญสำหรับผู้ใช้ระบบเคลื่อนที่ ได้แก่ การสนับสนุนเครือข่ายไร้สาย 802.1x, Windows Messenger และความช่วยเหลือระยะไกล
Windows XP มีอยู่หลายรุ่นในช่วงปีเหล่านี้
Windows XP รุ่น 64 บิต (2001) เป็นระบบปฏิบัติการรุ่นแรกของ Microsoft สำหรับตัวประมวลผล 64 บิตที่ออกแบบมาสำหรับการทำงานกับหน่วยความจำขนาดใหญ่และโปรเจ็กต์ต่างๆ เช่น ลักษณะพิเศษของภาพยนตร์ ภาพเคลื่อนไหวสามมิติ โปรแกรมทางวิศวกรรมและวิทยาศาสตร์Windows XP Media Center Edition (2002) เหมาะสำหรับการใช้คอมพิเตอร์ภายในบ้านและการให้ความบันเทิง คุณสามารถเรียกดูอินเทอร์เน็ต ดูทีวีแบบสด เพลิดเพลินกับคอลเลกชันเพลงและวิดีโอดิจิทัล และดูดีวีดีWindows XP Tablet PC Edition (2002) แสดงถึงวิสัยทัศน์ของการใช้งานคอมพิวเตอร์ด้วยปากกา แท็บเล็ตพีซีมีปากกาดิจิทัลสำหรับการรู้จำลายมือและคุณสามารถใช้เมาส์หรือ แป้นพิมพ์ได้เช่นกันเกร็ดน่าสนใจ: Windows XP เป็นการคอมไพล์จากโค้ดจำนวน 45 ล้านบรรทัด


2006–2008: Windows Vista- ประสิทธิภาพที่มาพร้อมความปลอดภัย

Windows Vista วางจำหน่ายในปี 2549 พร้อมระบบรักษาความปลอดภัยที่แข็งแกร่งที่สุด 'การควบคุมบัญชีผู้ใช้' ช่วยป้องกันซอฟต์แวร์ที่อาจเป็นอันตรายไม่ให้เปลี่ยนแปลงคอมพิวเตอร์ของคุณ ใน Windows Vista Ultimate การเข้ารหัสลับไดรฟ์ด้วย BitLocker ให้การปกป้องข้อมูลที่ดีกว่าสำหรับคอมพิวเตอร์ของคุณ เนื่องจากยอดขายแล็ปท็อปและความต้องการด้านความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้นทำให้ Windows Vista ยังมีการปรับปรุงสำหรับ Windows Media Player เพื่อให้ผู้ใช้เห็นว่าพีซีของพวกเขาเป็นเป็นศูนย์รวมของสื่อดิจิทัลมากยิ่ง ขึ้น คุณจะสามารถดูทีวี ดูและส่งภาพถ่าย และแก้ไขวิดีโอบนพีซีได้การออกแบบมีบทบาทสำคัญใน Windows Vista และคุณลักษณะต่างๆ เช่น แถบงานและเส้นขอบรอบหน้าต่างช่วยสร้างรูปลักษณ์ใหม่ การค้นหาเป็นคุณลักษณะใหม่ที่มีการให้ความสำคัญและช่วยให้ผู้ใช้ค้นหาแฟ้มบน พีซีของตนได้รวดเร็วขึ้น Windows Vista นำเสนอโปรแกรมรุ่นใหม่ๆ ที่มีการผสมผสานของคุณลักษณะที่แตกต่างกัน โดยสามารถใช้งานได้ใน 35 ภาษา ปุ่ม 'เริ่ม' ที่ออกแบบใหม่ปรากฏเป็นครั้งแรกใน Windows Vista



2008 – 2012: Windows 7

ในปลายปี 2543 โลกเข้าสู่ยุคของระบบไร้สาย เมื่อ Windows 7 วางจำหน่ายในเดือนตุลาคม 2552 แล็ปท็อปมียอดขายดีกว่าเดสก์ท็อปพีซีและมีการใช้งานออนไลน์กันโดยทั่วไปผ่าน ฮอตสปอตไร้สายสาธารณะ เช่น ร้านกาแฟ เครือข่ายไร้สายสามารถสร้างได้ในสำนักงานหรือบ้าน Windows 7 มีคุณลักษณะจำนวนมาก เช่น วิธีการใหม่ๆ ในการทำงานกับหน้าต่าง ไม่ว่าจะเป็น Snap, Peek หรือ Shake Windows Touch ปรากฏขึ้นเป็นครั้งแรก ซึ่งให้คุณสามารถใช้นิ้วเพื่อเรียกดูเว็บ พลิกดูภาพถ่าย และเปิดแฟ้มและโฟลเดอร์ คุณสามารถส่งกระแสข้อมูลเพลง วิดีโอ และภาพถ่ายจากพีซีของคุณไปยังสเตอริโอหรือทีวี ในฤดูใบไม้ร่วงปี 2553 Windows 7 สามารถขายได้เจ็ดสำเนาต่อวินาที ถือเป็นระบบปฏิบัติการที่ขายเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์การปรับปรุงในแถบงานของ Windows 7 ได้แก่ การแสดงตัวอย่างภาพขนาดย่อแบบทันที



2012 – ปัจจุบัน : Windows

Windows 8 เป็น Windows รุ่นแรกที่สนับสนุนการประมวลผลบน CPU แบบพกพาที่สามารถทำงานได้เหมือนกับการประมวลผลบน CPU ของเครื่องคอมพิวเตอร์ทั่วไป โดยแล็ปท็อปรุ่นใหม่ จำนวนมากไม่มีช่องใส่ดีวีดีและบางเครื่อง มีไดรฟ์โซลิดสเทต ซึ่งมาแทนที่ฮาร์ดดิสก์แบบเดิม และหน้าจอเริ่มรองรับระบบสัมผัสแบบหลายจุด เกือบทุกอย่างกำลังจะเปลี่ยนเป็นการส่งกระแสข้อมูลและบันทึกลงบนแฟลชไดรฟ์ หรือบันทึกใน "Cloud" พื้นที่ออนไลน์สำหรับการใช้แฟ้มร่วมกันและการจัดเก็บข้อมูล Windows Live โปรแกรมและบริการฟรีสำหรับภาพถ่าย และภาพยนตร์ ข้อความโต้ตอบแบบทันที อีเมล และเครือข่ายสังคม เป็นการผนวกรวมกับ Windows ที่สามารถใช้งานได้อย่างราบรื่น เพื่อให้คุณสามารถติดต่อกับพีซีของคุณ โทรศัพท์ หรือเว็บ พร้อมกับมีการขยาย Windows ไปยัง Cloud